สองหัว…ดีกว่าหัวเดียว สำนวนนี้ยังคงเป็นคำสอนที่เตือนใจได้ดีมาทุกยุคทุกสมัย และใช้ได้กับหลากหลายบริบท รวมถึงในเชิงธุรกิจก็เช่นเดียวกันค่ะ
คำถามที่มักจะเจอบ่อย ๆ จากผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่อยากจะปั้นธุรกิจสตาร์ทอัพคือ
‘ผมลุยคนเดียวได้ไหมครับ’
‘จำเป็นต้องมีทีมด้วยหรือ ผมทำคนเดียวไหวนะ’
คำตอบคือ…
‘ได้ค่ะ! แต่ในระยะยาวไม่เป็นผลดีกับธุรกิจของคุณแน่’
ลองจินตนาการดูสิคะ หากตัวคุณต้องนั่งค้นข้อมูล สำรวจตลาด เขียนโปรแกรม พัฒนาผลิตภัณฑ์ ออกแบบ Pitch Deck วิ่งเข้าหาแหล่งเงินทุน หาทางโน้มน้าวนักลงทุน สร้างคอนเนคชั่น ต้องทำทุกอย่างด้วยพลังงานของคนคนเดียว
คงไม่มีใครเก่งไปครบทุกด้านหรอกใช่ไหมคะ นี่จึงเป็นที่มาว่าทำไมถึงควรมี ‘ทีม’ มาร่วมแชร์ความคิด แชร์มุมมองที่หลากหลาย แชร์ความเชี่ยวชาญของแต่ละคน และคอยสนับสนุนซึ่งกันและกัน นอกเหนือจากการมีไอเดียที่โดดเด่นแล้ว ‘ทีม’ นี่แหละค่ะ หัวใจสำคัญของความสำเร็จทางธุรกิจ
การจะสร้าง Dream Team ของสตาร์ทอัพคุณภาพ แรกเริ่มควรจะมีบุคลากร 3 ประเภทนี้ค่ะ
ประเภทแรกคือกลุ่มคนที่มีหัวทางด้านธุรกิจค่ะ มีหน้าที่หลัก ๆ เลยคือ ‘ขายของ’ ‘หาเงินทุน’ ‘เข้าหานักลงทุน’ ‘นำเสนอผลงาน’ รวมถึงออกแบบโครงสร้างของธุรกิจ ส่วนใหญ่คนจำพวกนี้มักจะเป็น CEO ของบริษัทค่ะ
กลุ่มนี้ไม่ใช่ให้ไปหาตัวนักแฮคระบบที่ไหนนะคะ จริง ๆ แล้วก็คือโปรแกรมเมอร์ หรือผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเฉพาะด้านต่าง ๆ นั่นเองค่ะ ที่ทำหน้าที่พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เกิดขึ้นจริง ส่งมอบให้กลุ่มเป้าหมายได้ใช้งานกันจริง ๆ
ประเภทสุดท้าย สายอาร์ตตัวแม่ทั้งหลาย เช่น นักออกแบบ นักการตลาด หรืองานอื่น ๆ ที่ต้องขุดไอเดียสร้างสรรค์ขึ้นมา เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์น่าสนใจ และดึงดูดกลุ่มเป้าหมายให้เข้ามาใช้งาน เป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์ ‘เจ๋ง’ กว่าเดิม
และนี่คือทีมงานตั้งต้นสำหรับจะเริ่มทำธุรกิจสตาร์ทอัพค่ะ Hipster ออกแบบผลิตภัณฑ์หรือการบริการ Hacker นำไปพัฒนาต่อให้เกิดขึ้นจริง และ Hustler เอาออกไปขาย
หากใครที่เป็นแฟนซีรี่ส์เกาหลีเรื่อง Start-Up ที่โด่งดังมากเมื่อปลายปี 2563 น่าจะเห็นภาพชัดขึ้นจากสมาชิกของ ซัมซานเทค ที่ประกอบไปด้วย 3 หนุ่มนักพัฒนาสุดเนิร์ด ผู้ก่อตั้งบริษัทและมีความเก่งกาจด้านเทคโนโลยีมาก แต่ก็ไปไม่รอดเพราะขาดทักษะทางด้านธุรกิจ ภายหลังจึงมี ‘ซอดัลมี’ และ ‘จองซาฮา’ ที่เข้ามาเสริมเรื่องธุรกิจและการออกแบบให้ค่ะ
หรือในโลกธุรกิจจริงก็มีตัวอย่างให้เห็นเช่นกันค่ะ อย่างแบรนด์ Apple ผู้ผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีที่มีผู้ใช้งานครอบคลุมทั่วโลกก็ใช้โมเดล 3H นี้เช่นกันค่ะ ประกอบไปด้วย
Steve Jobs หัวเรือใหญ่ของบริษัทที่เป็นเสมือน ‘Hustler’ ผู้คิดค้นนวัตกรรม และพาไอเดียที่เกิดขึ้นจริง ออกสู่สาธารณะ จนสร้างประวัติศาสตร์เทคโนโลยีใหม่ให้กับโลกใบนี้
Steve Wozniak ผู้ร่วมก่อตั้ง Apple Computer มาพร้อมกับ Steve Jobs และเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยีล้ำโลกให้เกิดขึ้นจริง
Jonathan Ive นักออกแบบผลิตภัณฑ์ ผู้สร้างดีไซน์สุดเรียบหรู ถูกใจผู้ใช้งานทั่วโลก ผู้เป็นอีกหนึ่งเบื้องหลังความสำเร็จของ Apple
น่าจะนึกภาพกันออกแล้วใช่ไหมคะ ว่าทีมที่ประกอบไปด้วย 3H: Hustler, Hacker, Hipster หน้าตาเป็นอย่างไร และสำคัญต่อธุรกิจอย่างไร แต่การจะเลือกคนเข้ามาร่วมทีม ดูจากแค่ความสามารถคงไม่พอถูกไหมคะ การจะเลือก Co-Founder ที่จะช่วยกันพาธุรกิจไปได้สวย ต้องดูปัจจัยอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น นิสัยใจคอ เคมีความเข้ากันได้ หรือคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน
หากวันนี้ทีมของคุณยังมีไม่ครบ 3H นี้ ขอแนะนำบริการตามหาบุคลากรจาก Linktrix ค่ะ ครบ จบ ในที่เดียวทุกบทบาทที่ตามหา ไม่ว่าจะ Hipster, Hustler, หรือ Hacker โดยเฉพาะบุคลากรสายเทคโนโลยี และผู้บริหารระดับ C-Level/management Linktrix สามารถจัดหา ‘คนที่ใช่’ ให้กับคุณได้ค่ะ
- https://www.blockdit.com/posts/6005acc163da675e02bbc382
- https://www.lightingupventures.com/insights/hipsters-hackers-hustlers