“ปีนี้ร้านอาหารร้านโปรดที่ชอบไปนั่งกินหายไปเยอะเลยเนอะ”
“พรุ่งนี้ไปคาเฟ่ร้านนั้นกันไหม ที่เคยไปเมื่อปีก่อน แต่โทรไปเช็คก่อนนะว่าปิดไปหรือยัง”
“คิดถึงมุมโปรดที่โต๊ะตัวนั้นจัง เสียดายร้านไม่น่าปิดไปเลย”
เคยมีบทสนทนาเหล่านี้กับคนใกล้ตัวกันไหมคะช่วงนี้? อยู่ดี ๆ คาเฟ่ร้านโปรดใกล้บ้านก็ปิดสาขาลง อาหารร้านโปรดที่ไปกินประจำก็หายไป เพราะผู้ประกอบการต่างได้รับผลกระทบจากโควิด 19 กัน ซึ่งตอนนี้ผู้คนปรับตัวเข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันได้ดีมากขึ้นและคลายกังวลกับการออกมาใช้ชีวิตนอกบ้านกันแล้ว แต่ของเดิม ๆ ที่เคยมีในวิถีชีวิตเก่ากลับหายไปเยอะจนน่าใจหาย
บทความนี้จะพาผู้อ่านไปเช็ค Coworking Space ผู้รอดชีวิตจากพิษโควิด 19 ในปีที่ผ่าน ๆ มากันค่ะ ว่ามีเจ้าไหนกลับมาเปิดให้บริการแล้วบ้าง เผื่อกำลังมองหาที่นั่งทำงานใหม่ในบรรยากาศที่เหมาะกับการทำงานกว่าเดิม แทนคาเฟ่คู่ใจที่ปิดตัวลง
Coworking Space ใจกลางย่านสีลม ที่มาในบรรยากาศเหมือนได้นั่งทำงานอยู่ Silicon Valley ทั้งยังเดินทางสะดวกสบายห่างจากรถไฟฟ้าสถานีสุรศักดิ์เพียงแค่ 5 นาทีเท่านั้น หรือหากขับรถมาก็มีสถานที่จอดรถให้บริการ
สิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ พร้อมให้บริการตั้งแต่ลูกค้าแบบเดี่ยวที่ต้องการเพียงหิ้วโน้ตบุ๊คมาหนึ่งเครื่องแล้วพร้อมกางนั่งทำงานเลย ไปจนลูกค้าแบบกลุ่มที่ต้องการเข้าใช้ห้องประชุมรายชั่วโมง ทั้งยังมีโซนพักผ่อนแสนสะดุดตาที่มีพื้นหญ้าเทียมสีเขียวตัดกับบีนแบ็คที่วางเรียงรายให้ได้นั่งพักผ่อน หรืออยากจะเติมพลัง ก็มี Launchpad Cafe คอยให้บริการ
เวลาเปิด-ปิด: จันทร์-ศุกร์ 09.00-18.00 น.
ราคา: เริ่มที่ 350 บาท/วัน หรือ 80 บาท/ชั่วโมง
ไม่ใกล้ไม่ไกลจาก Launchpad ใจกลางย่านธุรกิจเช่นกัน Glowfish ตั้งอยู่ชั้น 2 ของตึกสาทรธานี 2 พื้นที่แบ่งออกเป็นหลายโซนเพื่อให้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้มาใช้งานที่ค่อนข้างหลากหลาย เช่น Services Office, Virtual Office, Personal Office, Creativity Zone, Food and Beverage Zone, Meeting Room และ Conference Halls แถมการตกแต่งก็ค่อนข้างโดดเด่นด้วยคอนเซปต์แบบภาพยนตร์ดังในเรื่อง Kingsman และเป็นโทนอบอุ่นสบายตาด้วยการใช้สีเขียวอ่อนและวัสดุพื้นผิวไม้ในพื้นที่อื่น ๆ
เวลาเปิด-ปิด: จันทร์-ศุกร์ 08.30-17.30 น.
ราคา: บริการเด่นของที่นี่จะเน้นการให้บริการห้องประชุม สำหรับการเข้าใช้งานแบบนั่งทำงานในพื้นที่ส่วนรวม จะมีแพ็คเกจรายเดือนสำหรับโต๊ะทำงานส่วนตัวที่มีราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 10,000 บาท/เดือน ขึ้นอยู่กับแพ็คเกจ
สถานที่ยอดฮิตอีกที่ย่านจุฬา อย่าง NapLab ที่เรียกตัวเองว่า Co-Napping Workspace เพราะมีมุมให้พักผ่อนสายตาหลังเหนื่อยล้าจากการทำงานอย่างหนักหน่วงมาทั้งวัน แถมยังมีของให้เล่นคลายเครียดมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ตู้เกมส์ โต๊ะปิงปอง หรือแม้กระทั่งสไลเดอร์ ในโซนพีกผ่อน ที่เรียกว่า ‘เขตหนีงาน’
มากไปกว่านั้นยังมีห้องอาบน้ำสำหรับคนที่ทำงานดึกดื่นแล้วไม่อยากกลับบ้านอีก!!! หรือถ้าหิวนักก็มีโซนร้านอาหารที่มีให้เลือกอย่างหลากหลาย มาที่เดียวจบ แทบไม่ต้องกลับบ้านเลยทีเดียว
เวลาเปิด-ปิด: ปัจจุบันให้บริการทุกวันตั้งแต่ 08.00 - 22.00
ราคา: คิดตามแพ็คเกจรายชั่วโมง รายวัน รายเดือนและรายปี และมีเรทราคาพิเศษสำหรับนักเรียน/นักศึกษา
WorkWize ปัจจุบัน เปิดให้บริการเฉพาะที่สาขา The Street Ratchada ส่วนสาขาที่สยามยังคงปิดให้บริการชั่วคราว การออกแบบมาในสไตล์ทันสมัยในโทนสีน้ำเงินสด ให้บริการตั้งแต่ห้องประชุม ออฟฟิศ ห้องสอนพิเศษ อุปกรณ์สำหรับปริ้นงาน และแน่นอนว่ามีพื้นที่ทำงานรายบุคคลทั้งแบบไม่กำหนดโต๊ะประจำและแบบมีโต๊ะประจำกว่า 100 ที่นั่ง ที่ให้ผู้ใช้บริการได้เลือกใช้ตามสไตล์ที่ตัวเองชอบ
เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน 24 ชั่วโมง
ราคา: ชั่วโมงละ 60 บาท หรือ 200 บาท/ 8 ชั่วโมง
เจ้าสุดท้ายขาใหญ่ประจำวงการ Coworking Space แห่งแรกในไทย ที่ยังคงเปิดให้บริการอยู่จนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันเปิดทำการที่สาขาสาทร และสาขาวิภาวดี ให้บริการตั้งแต่ Hot Desk, Meeting Room, Private Office, Virtual Office และ Event Space พิเศษสุดที่การเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ของที่นี่ได้คัดสรรมาแล้วว่าถูกหลักสรีระวิทยา ช่วยให้ทำงานไปด้วยและดูแลสุขภาพของผู้ใช้งานไปด้วยในตัว
จุดเด่นของ HUBBA คือ การเป็นคอมมูนิตี้ของผู้ประกอบการสตาร์ทอัพในไทยที่แข็งแกร่ง แถมยังมีกิจกรรมเชื่อมคอนเนคชั่นระหว่างคนในวงการ และกิจกรรมพัฒนาทักษะผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง
นอกเหนือจากการให้บริการด้านพื้นที่ทำงาน HUBBA ยังสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัพไทยด้วยการ ดำเนินโครงการ Corporate Innovation ต่างๆ เช่น Hackathon, Incubator, Venture Building, Training เป็นต้น ซึ่งถือว่าเป็นการดูแลและซัพพอร์ทผู้ประกอบการสตาร์ทอัพไทยอย่างรอบด้าน ทำให้ใคร ๆ ต่างก็นึกถึงเมื่อคิดอยากทำธุรกิจสตาร์ทอัพ
เวลาเปิด-ปิด: วันจันทร์ - ศุกร์ 9:00 - 18:00 น.
ราคา: 70 บาท/ชั่วโมง และอื่น ๆ ตามแพคเกจรายวันและรายเดือน
แถมให้อีกนิดกับ 3 Coworking Space บรรยากาศสุดตะลึงจากทั่วโลก ที่ดูแล้วต้องร้องว้าว หากเดินทางได้อย่างเสรีเช่นแต่ก่อน ก็ไม่ควรพลาดที่จะไปเยือนสักครั้ง
Livit Hub Bali อยู่ที่ประเทศอินโดเนเซีย ความว้าวอยู่ที่ ทำเลของ Coworking Space แห่งนี้ตั้งอยู่ริมทะเลที่คุณสามารถเอนตัวลงบนโซฟา บนบีนแบ็ค หรือบนเปลเพื่อนอนดูวิวพระอาทิตย์ตกอย่างสบายใจ หลังตั้งใจทำงานอย่างหนักมาทั้งวัน
ความพิเศษอีกอย่างของที่นี่คือมีกิจกรรมสำหรับสร้างคอนเนคชั่นให้ผู้ประกอบการนักเดินทางที่มาจากทั่วโลก ช่วยให้พวกเขาได้พบเจอมิตรภาพและพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจมากมาย และยังมีกิจกรรมพัฒนาทักษะ ความรู้ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์อีกด้วย
อยากมีประสบการณ์นั่งทำงานอยู่เกาะกลางทะเลไหม? ที่ CocoVivo, Panama ตอบโจทย์ประสบการณ์การสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดที่สุดแล้ว สถานที่ทำงานที่เป็นแดนสวรรค์ของหลายคนแห่งนี้ตั้งอยู่บนเกาะ san cristóbal ประเทศปานามา รายล้อมไปด้วยป่าโกงกาง นกนานาชาติ เข้าถึงได้ด้วยการนั่งเรือเข้ามาเท่านั้น และในวันอากาศดี ๆ ก็จะมีเจ้าสลอธโผล่มานั่งทำงานข้าง ๆ คุณ นับเป็นประสบการณ์ที่หาได้ยากจากที่อื่น หรือใครหลงรักเกาะนี้และอยากอยู่ยาว ๆ ก็สามารถพักบนบ้านต้นไม้ที่เปิดให้บริการได้
อยู่กลางธรรมชาติกันไปแล้ว มาลองสัมผัสความหรูหราที่ Crew Collective & Café กันบ้าง Coworking Space แห่งนี้อยู่ประเทศแคนาดา ที่แค่ได้เดินเข้ามาก็คงตะลึงกับความอลังการจนไม่มีสมาธิทำงานกันเลยทีเดียว เดิมสถาปัตยกรรมทางประวัติศาสตร์แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของธนาคาร Royal Bank of Canada ซึ่งถือเป็นธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในแคนาดา และเป็นอีกหนึ่งธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ปัจจุบันดัดแปลงเป็น Coworking Space ให้นั่งทำงาน อีกทั้งยังมีห้องประชุม สำนักงานออฟฟิศ และสถานที่จัดอีเวนต์
รูปแบบการให้บริการ Coworking Space ในแต่ละเจ้ามีความคล้ายคลึงกัน จุดสำคัญอยู่ที่สเน่ห์และตัวตนของแต่ละที่ที่แตกต่างกัน ที่เป็นจุดดึงดูดผู้ใช้บริการ ผู้ให้บริการที่สามารถดึงเอาความโดดเด่นของตัวเองมาถ่ายทอดได้ตรงใจลุกค้า และมีความยืดหยุ่นในการบริหาร จึงจะเป็นผู้ที่อยู่รอดได้ ไม่ว่าจะเจอวิกฤติใดก็ตาม
กดเพิ่ม HUBBA เป็นเพื่อน เพื่อติดตามข่าวสารและร่วมสนุกกิจกรรมอื่น ๆ ได้แล้วที่ไลน์แอด @hubbathailand